ปี 2016 เป็นปีที่จะรวม AEC ทำให้น่าจะเกิดธุรกิจใหม่ที่เชื่อมระหว่างประเทศมากมายยิ่งขึ้น ธุรกิจที่เป็น Local ถ้าหากมองดี ๆ น่าจะได้รับผลกระทบบ้างถ้ารู้จักปรับตัว น่าจะได้รับผลกระทบในทางที่ดี เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เรื่องที่ต้องปรับอาจจะต้องเป็นเรื่องของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยเอาไว้ และอีกเรื่องคือภาษา
วันนี้มีโอกาสพาตัวเล็กไปเล่นที่พิพิธภัณฑ์เด็กของกทม. ที่จตุจักร ก็พบว่าไม่ใช่มีแค่คนไทยที่ไปใช้บริการ ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยซ้ำ ผมมีโอกาสได้สนทนาภาษาอังกฤษกับคุณแม่ชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ด้วยบทสนทนาที่เริ่มจากการที่ลูกชายไปแย่งลูกสาวเค้าเล่นชิงช้า แล้วเจ้าตัวเล็กของผมก็ไปพ่นภาษาต่างดาวใส่เค้า เค้าก็เลยหันมาถามผมว่าลูกยูพูดอะไรไอฟังไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยแก้ตัวเขิน ๆ ไปว่า เนื่องจากผมสอนลูกสองภาษาเค้ายังแยกภาษาไม่ออกก็เลยพ่นต่างดาวออกมาก่อน คุณแม่ชาวต่างชาติท่านนั้นก็บอกผมว่า หล่อนก็สอนลูกสองภาษาเหมือนกัน จะมีวันนึงที่เด็กสามารถแยกภาษาได้เองไม่ต้องกังวล ภาษาอังกฤษสำคัญมากจริง ๆ เค้าสอนลูกเป็นภาษา hindi กับภาษาอังกฤษ เหมือนกัน จากนั้นหล่อนก็ใช้ให้ผมหาร้านอาหารร้านนึงแถวสุทธิสาร เพราะว่ารู้จักแต่ชื่อร้าน แต่ไม่รู้ว่าอยู่แถวไหน แล้วก็จากไปอย่างงง ๆ
วันที่โลกนี้เปิดตัว ili เครื่องแปลภาษาตัวใหม่ของโลก ที่เหมือนเอาวุ้นแปลภาษาของโดราเอมอนออกมาจากการ์ตูนยังไงอย่างนั้น ก็มีคำถามเข้ามามากมายว่า การรู้หลายภาษายังจำเป็นอยู่หรือ ในเมื่อมีเทคโนโลยีออกมารองรับขนาดนี้ แล้วในอนาคตยังมีอีกไม่รู้เท่าไหร่ที่จะตามออกมา คำถามนี้ต้องย้อนกลับไปสองปีก่อน ก่อนที่จะมี ili ออกมาด้วยซ้ำ ผมมองหน้าเจ้าตัวเล็กซึ่งยังแบเบาะอยู่ในเปล ตั้งใจว่าจะให้ลูกเป็นเด็กสองภาษา แล้วถามกับตัวเองว่า ถ้าในอนาคต วุ้นแปลภาษาของโดราเอมอนมีขึ้นมาจริง ๆ จะยังอยากให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาอยู่อีกหรือไม่ คำตอบคือ ชัวร์ ยังไงซะ ลูกผมก็จะเป็นเด็กสองภาษาอยู่ดี แม้อนาคตเค้าจะเป็นชาวนาที่พูดภาษาอังกฤษได้ หรือจะเป็น นายกที่พูดอังกฤษได้ดี หรือจะเป็นคนใช้เครื่อง ili ที่พูดอังกฤษได้ก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ผมละทิ้งความตั้งใจนั้น นอกจากนี้การที่เด็กรู้สองภาษา ยังมีผลดีต่อพัฒนาการทางสมอง คือจะฉลาดกว่าเด็กทั่วไปอยู่บ้างนั่นเอง เป็นเหตุผลที่ผมสู้ต่อ แม้ว่าภาษาของตัวเองจะห่วยบรมก็ตาม แต่ก็นับว่าผมคาดการณ์ถูกว่า ยังไงอนาคตก็ต้องมีเครื่องมือที่แปลภาษาออกมา และผมคาดว่าจะออกมาอีกและดีกว่า ili ตัวนี้แน่นอนเร็ว ๆ นี้
กลับมาเข้าประเด็นเรื่องภาษากันอีกซักนิด อยากจะเอาประสบการณ์การสอนภาษา (ไม่ใช่ประสบการณ์การเรียนภาษาที่ได้จากการเรียนชั้นประถมถึงมหาลัย) พบว่าการที่คนจะเก่งภาษาได้ มีอยู่ข้อเดียว กฏเหล็กข้อเดียวของการเก่งภาษาทุกภาษา คือ "ต้องใช้งานจริง" ภาษาเป็นทักษะ ทักษะคืออะไร ผมยกตัวอย่างทักษะง่าย ๆ ที่เห็นในทุก ๆ วัน การขับรถ การว่ายน้ำ เตะบอล กีฬาทุกอย่างเป็นทักษะ การพัฒนาทักษะง่าย ๆ คือการฝึกฝน การใช้ภาษาเป็นทักษะเช่นกัน เมื่อฝึกจนคล่องแล้วมันก็เป็นของมันเองนั่นแหละครับ
ทักษะการฝึกภาษาอังกฤษ ขั้นแรก คือต้องฟังก่อน ฟังเพลงสากล ดูหนังฝรั่ง การขังตัวเองไว้กับภาษาอังกฤษวันละชั่วโมง คุณจะเห็นความก้าวหน้าชัดเจนมาก ลืมทฤษฎีต่าง ๆ ไปซะ ฝึกฟังเยอะ ๆ เมื่อคุณฟังมากพอแล้วคุณอาจจะอยากเริ่มพูด ได้ยินมายังไงพูดไปอย่างนั้น สำหรับเด็กเล็ก ๆ เป็นเรื่องง่ายที่จะเรียนภาษา แต่สำหรับผู้ใหญ่อาจจะยากตรงที่ เราอายที่จะพูด แต่ผมรับประกันว่า ถ้าคุณขังตัวเองไว้กับภาษาอังกฤษวันละชั่วโมง คุณจะเห็นความก้าวหน้า หลังจากผ่านไปเดือนเดียว ทำไมผมถึงกล้ารับประกัน ผมเห็นตัวเองครับ เหตุการณ์ที่ผมเขียนเล่าเรื่องที่พบวันนี้ตอนต้น เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ และผมไม่กลัวการที่จะพูดกับคนต่างชาติโดยใช้ภาษาอังกฤษเลย แม้ว่าผมจะพูดติด ๆ ขัด ๆ ก็ตาม แต่เพราะผมพูดกับลูกทุกวัน ภาษามันเลยกินลึกเข้ามาโดยที่ผมไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมแทบจะเอาหน้ามุดกำแพงเวลายืนอยู่ใกล้ ๆ ฝรั่งเพราะกลัวเค้าหันมาคุยด้วย ฮา...
เรามาดูวิธีฝึกกันเพิ่มอีกซักนิดดีกว่าครับ การที่ยุคสมัยสังคมก้มหน้าทุกวันนี้ ผมเห็นข้อดีหลาย ๆ ข้อสำหรับการฝึกทักษะการฝังภาษาอังกฤษ การฝึกฟังทำได้ง่ายมาก ผมแนะนำ podcast สำหรับคนใช้ iPhone และ TED talk เป็นอะไรที่ฟังง่ายมาก ๆ ยิ่งได้เห็นคนไทยหลายคนได้ขึ้นไปพูดบนเวทีแล้ว ยิ่งน่าฟัง เพราะมันค่อนข้าง inspire ตัวเรามาก ต่อไปนี้เวลานั่งรถไปทำงาน อย่าลืมขังตัวเองไว้กับภาษาอังกฤษ ด้วยหูฟังดี ๆ ซักอัน กับรายการโปรดนะครับ
สุดท้ายนี้ผมฝากแจ้งข่าวสาร
รับทำสื่อการเรียนการสอน cai ด้วยโปรแกรม Flash Authorware Captivate
รับทำ E-book
รับทำผลงานครู คศ 3
โทร 0835666259 เอิ๊ก
ไลน์ ierg
ขอบพระคุณครับผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น